วันพุธที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เรื่องที่เขียนยากที่สุด


    บทความ ในเว็บกล้วยไม้เมืองร้อน ที่ดูเหมือนจะยากที่สุดดูเหมือนจะเป็นเรื่องแวนด้า สามปอย ซึ่งในบทความนี้มีเรื่องของสามปอยหลวงและสามปอยขุนตานที่เก็บข้อมูลมาตลอดเกือบสองปี ในวันแรก ๆ ที่ผมได้รู้จักกับสามปอยผมรู้สึกเฉย ๆ กับกล้วยไม้พันธุ์นี้มาก ไม่คิดว่ามันสวยและไม่คิดว่ามันดูดีอะไรเลย แค่ดอกไม้สีเหลือง ๆ ดอกหนึ่ง แต่พอได้ทำความรู้จักกับกล้วยไม้ชนิดนี้มากขึ้น ก็พบกับความอัศจรรย์ที่ไม่คาดคิด คุณชิเนนทรได้เล่าเรื่องราวของตัวเองสมัยเด็ก ที่เก็บสะสมสามปอยขุนตานให้ผมฟัง มันทำให้ผมรู้สึกว่ากล้วยไม้ชนิดนี้มีคุณค่าขึ้นมา หลังจากนั้นก็เริ่มหาข้อมูลว่า สามปอยขุนตานมันพิเศษอย่างไร น่าตาที่แท้จริงมันเป็นอย่างไร ผมเคยสั่งซื้อสามปอย จากอินเตอร์เนตมา 1 ต้น ดอกของมันสีเหลืองเหมือนกับกระดาษแก้วแถมปากก็ยังเหลืองเข้มจัดตอนนั้นคิดว่าได้ของดีมาแล้ว จึงเด็ดดอกไปให้คุณชิเนนทรดู ท่านก็กล่าวกับผมว่า "นี่มันลูกผสมนี่" มันทำให้ผมยิ่งอยากรู้ว่า ของจริงเป็นอย่างไร เริ่มต้นจากการตั้งคำถาม เดือนละครั้ง จุดประสงค์ที่ไม่ยิงตูมเดียวคือ ผมอยากชั่งใจว่า เซียนผู้นี้ พูดจริง หรือ กุุขึ้นมาว่าสามปอยต้องเป็นแบบที่ตนกล่าว เพื่อให้สามปอยของตัวเองเป็นมาตรฐานน้ำหนักว่า สามปอยต้องหน้าตาแบบนี้

ผลคือ ตลอดประมาณ ๕-๖ เดือนที่ผมยิงคำถามซ้ำสลับเดือนไปมาว่า สามปอยหลวงเป็นยังไง สามปอยขุนตานเป็นยังไง หน้าตาเป็นยังไง ในป่าทางเหนือมีไหม เจอที่ไหน ลักษณะเป็นไง ท่านตอบตรงทุกครั้งไม่มีครั้งไหนที่ผิดเพี้ยนเลย และระหว่างนี้ผมเองก็ได้เดินทางไปยังสวนคุณลุงมานะ ที่รู้จักสามปอยดี และยิงคำถามเช่นเดียวกันห่างกัน ๓ เดือนครั้ง ท่านก็ยังตอบเช่นเดิม แถมตรงกับที่คุณชิเนนทร
กล่าว ผมจึงนั่งเตรียมข้อมูลประมาณ ๒ เดือนด้วยการประสานกับคุณวรยุทธให้เตรียมข้อมูลด้านลายลักอักษร และผมท่องเนตครับ สบายมั้ยละ ในโลกอินเตอร์เนต สามปอยหลวงและสามปอยขุนตานที่ผมได้ข้อมูลมารู้สึกจะสับสนปนเปไปหน่อย คงมีไม่กีคนที่กล้าการันตีย์ ผมเองก็ไม่กล้า คนที่จะการันตีเรื่องตำนานสามปอยหลวงได้ก็ต้องให้ตำนานเป็นคนกล่าวขานเอง

และสามปอยก็เป็นกล้วยไม้ถิ่นเหนือคงไม่มีใครรู้ลึกไปกว่าเจ้าถิ่นแน่ คิดได้แบบนั้นก็หนีไม่พ้นคนสองคนที่ผมวิ่งไปวิ่งมาถามสู่นี่แหละ หลังจากข้อมูลครบก็บุกบ้านพร้อมปากกา จดแหลกทุกคำพูดครับ รอบแรกบรรลุด้วยดี แต่พอข้อมูลขาด ก็ต้องวิ่งไปซ่อมเพราะผมคิดว่า งานนี้งานใหญ่อยากให้ข้อมูลแน่นที่สุดตรงที่สุดชัวที่สุด ประกอบกับหนังสืออ้างอิง ที่กองท่วมหัวได้ ไม่รู้คุณวรยุทธไปหามาจากไหนเยอะแยะทั้งฝรั่งไทยและเยอรมัน ให้ตาย งานนี้ ไม่หมูเลย หนังสือสิบกว่าเล่ม ผมพยายามคัดแต่เล่มเก่า ๆ เพราะสามปอยหลวง มีแต่คนเก่าแก่เท่านั้นที่ดูออก หนังสือเล่มใหม่ ๆ ยึดหลักชื่อวิทยาศาสตร์จึงให้ความสำคัญสามปอยหลวงเท่ากับสามปอยขุนตาน ก็กว่าจะหยิบคัดออกมาจากหนังสือแต่ละเล่มได้ก็ตาลายน่าดูครับ หลังจากได้ข้อมูลดิบมาครบแล้ว ก็จัดการบรรเลงเขียนบทความขึ้น ข้อมูลยาวเป็นลี้ แต่ต้องเขียนให้ได้กระดาษ A4 ไม่งั้นคนท่องเว็บมาอ่านช็อคตายขี้เกียจอ่านกันพอดี นั่งเขียนอยู่ประมาณอาทิตย์กว่า แก้ไปประมาณ ๗ ครั้ง เอาแต่เนื้อ ๆ ในที่สุดก็ออกมาเป็นเรื่องเป็นราวพร้อมส่งลงโลกไซเบอร์ ที่เหลือก็แล้วแต่คนอ่านละครับว่าจะเชื่อหรือเปล่า

จริง ๆ มีอีกท่านที่อยากคุยด้วยคือ เสวิสูตร เพราะในโลกอินเตอร์เนตมีแต่คนกล่าวขานท่านเรื่องสามปอย ถ้าได้คุยด้วยอีกคนคงได้ข้อมูลที่แน่นขึ้นไปอีก เสียดายจริง ๆ

อ้อ ลืมไป ในระหว่างที่วิ่งไปวิ่งมาตลอดปีกว่า ภาพสามปอยเป็นอะไรที่หายากชะมัดเลยครับ กว่าจะได้แต่ละต้น โดยเฉพาะสามปอยหลวง ยากจริง ๆ เพราะแต่ละแหล่งที่รู้ว่ามีสามปอยหลวงมักมีกันเพียง ๑-๒ ต้น เก่งสุดก็ ๕ ต้นที่สวนชิเนนทร แต่ถ่ายภาพแค่ที่เดียวมันคงไม่หนักแน่นพอ เลยต้องวิ่งไปถ่ายหลาย ๆ ที่ ทั้งร้อนทั้งเหนื่อยเลย แต่ก็คุ้มค่าครับ ได้เห็นสามปอยหลวงของจริงแล้วรู้สึกว่าอย่างกับค้นพบสมบัติเลยครับ และดีใจที่มันไม่ใช่แค่ตำนาน สามปอยหลวงยังมีตัวตนอยู่นั่นเองครับ

ภาพบน สามปอยหลวง ต้นชิเนนทร ชนิดไม่มีลายสมุก กล้องฟิล์ม จะเห็นว่าสีมันชัดกว่ากล้องดิจิตอลเยอะครับ ถ้าดูในเว็บกล้วยไม้เมืองร้อน สีจะออกเหลืองอ่อน ๆ แต่ถ้าเป็นตัวนี้จะเข้มกว่า ดูสมจริงกว่าครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น